Sunday, September 12, 2004

13 GOING ON 30 (A+)

หนังที่ได้ดูในระยะนี้

1.ETERNAL SUNSHINE OF THE SPOTLESS MIND (A+/A)
ดูแล้วซึ้งมาก ถึงแม้ว่าจะชอบ NABI (A+++++) มากกว่าก็ตาม

หนึ่งในฉากที่ชอบมากในหนังเรื่องนี้คือฉากที่พระเอกพยายามทำให้อีไลจาห์ วูดหันหน้ามาหาเขา แต่ไม่ว่าจะทำยังไง อีไลจาห์ วูดก็หันหลังตลอด ดูแล้วมันน่ากลัวในแบบแปลกๆดี

2.KAZA-HANA (2000, SHINJI SOOMAI, A)

3.BEAR CUB (A/A-)
ชอบความธรรมดาของหนังเรื่องนี้ รู้สึกว่าหนังมันไม่พยายามบีบเค้นอารมณ์ดี ตอนก่อนเข้าไปดู นึกว่าหนังเรื่องนี้จะพยายามขายความน่ารักของตัวละคร หรือพยายามทำซึ้งอย่างเต็มที่ แต่ปรากฏว่าหนังไม่ได้พยายามทำให้ตัวละครน่ารักมากเกินไป, ไม่ได้พยายามขายเสียงหัวเราะ และไม่ได้พยายามทำซึ้งเกินเหตุ ตัวละครค่อนข้างจะเป็นธรรมชาติพอสมควร ก็เลยประทับใจกับหนังเรื่องนี้มากค่ะ

4.SHUTTER (A-/B+)
ตอนดูหนังเรื่องนี้ในโรงไม่รู้สึกกลัวเท่าไหร่ เพราะรู้สึกฮากับปฏิกิริยาวี้ดว้ายกระตู้วู้ของคนในโรงมากกว่า แต่พอกลับถึงบ้านจะเข้านอนเท่านั้นแหละ ความทรงจำเก่าๆที่มีต่อคอลัมน์ “ประสบการณ์ปีศาจ” ในนิตยสารต่วยตูนพิเศษ มันผุดทะลักขึ้นมาจากไหนไม่รู้ ตอนเด็กๆดิฉันชอบอ่านคอลัมน์นี้มาก แต่ก็ไม่ได้อ่านคอลัมน์นี้มานาน 15 ปีแล้ว หนังเรื่อง SHUTTER มันไปเปิดผนึกความทรงจำที่มีต่อคอลัมน์นี้ขึ้นมาได้ยังไงก็ไม่รู้ สรุปว่าคืนนั้นเลยเปิดไฟนอน ปรากฏว่านอนไปได้พักนึง ไฟเกิดเสียขึ้นมา ใจก็เลยไม่ดีเข้าไปใหญ่ รู้สึกเลยว่าการดู SHUTTER มันเหมือนกับการกินส้มตำเผ็ดๆ คือมันอร่อยดีตอนกิน แต่หลังจากนั้นมันตามมาด้วยความทรมานอย่างมาก


13 going on 30

ตอนก่อนเข้าไปดู 13 GOING ON 30 ก็รู้สึกสงสัยว่าเอ๊ะ หนังเรื่องนี้มันจะดีกว่า MEAN GIRLS (A-) จริงๆหรือ เพราะตัวเองก็ประทับใจ MEAN GIRLS มากพอสมควร แต่พอเข้าไปดู 13 GOING ON 30 ก็รู้ว่าหนังสองเรื่องนี้มันคนละทางกันเลย ถึงจะเป็นหนังเจาะคนดูกลุ่มผู้หญิงเหมือนกันก็ตาม เพราะ 13 GOING ON 30 เป็นหนังที่เหมาะกับคนดูช่างฝันวัย 30 มากกว่าวัย 13 อย่างมากๆ และอีกปัจจัยนึงที่ทำให้ชอบหนังเรื่องนี้อย่างมากๆก็คือการไม่มี “speech” ก่อนจบเหมือนกับ mean girls

จุดอื่นๆที่ทำให้ชอบ 13 GOING ON 30

1.ดิฉันชอบเพลง CRAZY FOR YOU ของมาดอนนามากค่ะ เพลงนี้เป็นเพลงที่ผูกพันกับชีวิตวัยรุ่นของดิฉันอย่างมากๆ และหนังเรื่องนี้ก็นำเพลงนี้มาใช้ได้อย่างถูกใจจริงๆ โดยเฉพาะตรงท่อนสร้อยของเพลงนี้ที่เข้ากับหนังอย่างมากๆ

2.ดิฉันชอบหนังที่มีการตบตีกันในที่ทำงานค่ะ มันดูแล้วอินมากๆ และฉากที่มีการด่ากันบางฉากในเรื่องนี้ มันทำให้นึกถึงหนึ่งในละครโทรทัศน์ที่ดิฉันชอบที่สุดในชีวิต นั่นก็คือ MELROSE PLACE (A+++++) มันคือละครที่เน่าที่สุด และดูแล้วมีความสุขที่สุด เพราะทั้งเรื่องมีแต่ผู้หญิงตบตีกันอย่างรุนแรง

3.ชอบหนังที่นางเอกเปลี่ยนจากคนดีมาเป็นคนเลวค่ะ ถึงแม้ว่าในหนังเรื่องนี้เราจะไม่ได้เห็นความเลวของนางเอกกับตาตัวเองก็ตาม เราได้ฟังแต่เพียงคำบอกเล่าเกี่ยวกับความเลวของเธอเท่านั้น แต่มันก็ดูแล้วสะใจดีที่นางเอกไม่ใช่คนดีสักเท่าไหร่

อย่างไรก็ดี 13 going on 30 ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการในทางลบของนางเอกตรงจุดนี้ เพราะจุดประสงค์ของหนังไม่ใช่เรื่องนั้น หากพูดถึงหนังที่แสดงให้เห็นพัฒนาการในทางลบของนางเอกแล้ว MEAN GIRLS อาจจะแสดงตรงจุดนั้นได้ดีกว่า ส่วนเรื่องที่ดิฉันคิดว่าดีที่สุดในการแสดงพัฒนาการในทางลบของนางเอก ก็คือละครทีวีฮ่องกงเรื่อง CONSCIENCE (A+++++) ที่นำแสดงโดยเส้าเหม่ยฉีและมาฉายทางช่อง 3 เมื่อหลายปีก่อนค่ะ ไม่รู้ใครยังจำละครเรื่องนี้ได้อยู่หรือเปล่า เรื่องที่นางเอกตอนแรกเป็นคนน่าสงสาร โดนคนอื่นกลั่นแกล้งรังแกอยู่เสมอ แล้วนางเอกก็ค่อยๆเลวขึ้นเรื่อยๆ จำได้ว่าตอนท้ายๆเรื่องนางเอกเลวหนักถึงขั้นส่งคนไปรุมซ้อมแม่ของตัวเอง

4.ถึงแม้หนังเรื่องนี้จะมีเหตุการณ์ปาฏิหาริย์ แต่ดิฉันก็ชอบหนังเรื่องนี้มากตรงที่มันทำให้ดิฉันรู้ว่าในชีวิตจริงของเรานั้น มันไม่มีทางที่ปาฏิหาริย์อย่างนี้จะเกิดขึ้นได้ เพราะฉะนั้นถ้าหากเราทำผิดอะไรไป ต่อให้เราแก้ไขจนสุดความสามารถยังไง มันก็อาจจะสายไปแล้ว ชอบการตัดสินใจของพระเอกในช่วงท้ายเรื่องนี้มาก

5.หนังเรื่องนี้มีฉากที่ทำให้ดิฉันรู้สึกจี๊ด, มีอารมณ์ร่วม หรือรู้สึกว่ามันน่ารักหลายฉาก ทั้งฉากที่นางเอกพูดถึงนิตยสารว่า “เราต้องใส่ “ชีวิต” เข้าไปในนิตยสาร”, ฉากที่เธอเอานิตยสารของคู่แข่งไปแอบไว้อีกจุดนึง, ฉากที่เพื่อนนางเอกเข้าใจผิดเกี่ยวกับผู้ชายที่นางเอกปิ๊งในบาร์ และฉากที่นางเอกเล่าเรื่องของตัวเองให้กลุ่มเด็กๆฟังแล้วขนลุก

6.ดิฉันเป็นคนที่หมกมุ่นกับอดีตค่ะ มักจะคิดถึงอดีตสมัยยังสาวอยู่เสมอ หนังเรื่องนี้ก็เลยเข้าทางดิฉันมากๆ

ส่วนเรื่องส่วนไม่ดีของ 13 going on 30 นั้นก็คงมีมากมายค่ะ หนังเรื่องนี้อาจจะเต็มไปด้วยช่องโหว่โง่ๆมากมาย แต่ขอแค่มันทำให้ดิฉันร้องไห้ ดิฉันก็ไม่ติดใจอะไรกับข้อบกพร่องของมัน นี่เป็นหนังเซอร์ไพรส์เรื่องนึงสำหรับดิฉันในปีนี้ เซอร์ไพรส์พอๆกับ MINDHUNTERS (A+) ของเรนนี ฮาร์ลิน เพราะหนังสองเรื่องนี้เป็นหนังสูตรสำเร็จที่คล้ายกับหนังอีก 100 เรื่องที่เคยดูมาแล้ว แต่ทำไมหนังสองเรื่องนี้มันถึงทำให้รู้สึกอินมากกว่าอีก 100 เรื่องที่ดูมาก็ไม่รู้

เคยดู TADPOLE (B) ของแกรี วินิค มาก่อน ซึ่งก็รู้สึกว่าน่ารักดี แต่ไม่ได้ทึ่งกับมันสักเท่าไหร่ ก็เลยไม่ได้ตั้งความหวังอะไรทั้งสิ้นกับ 13 GOING ON 30 นอกจากนี้ ดิฉันก็ไม่เคยชอบเจนนิเฟอร์ การ์เนอร์มาก่อนเลยด้วย แต่ดูเรื่องนี้แล้วทำให้เริ่มมองเธอในแง่ดี เหมือนกับที่ดู ELLA ENCHANTED แล้วทำให้เลิกหมั่นไส้ anne hathaway

No comments: