Saturday, October 30, 2004

THE NIGHT WILL PAY (A+)

Swing Out Sister เป็นวงโปรดวงนึงเลยค่ะ เพราะตอนที่เริ่มฟังเพลงในปี 1989 เป็นช่วงที่วงนี้กำลังดังพอดี เพลงที่ชอบมากๆของวงนี้ก็คือ
1.Breakout
2.You On My Mind
3.Waiting Game
4.Where in the World
5.Forever Blue
6.Am I the Same Girl
7.Notgonnachange
8.La La La (Means I Love You)

แต่ก็ติดตามวงนี้ถึงแค่ช่วงต้นทศวรรษ 1990 เท่านั้นค่ะ หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดตามวงนี้อีก เข้าใจว่าวงนี้คงทำเพลงเพราะๆออกมาเหมือนเดิม

ตั้งแต่ดูเทศกาลหนังกรุงเทพในปี 1998 เป็นต้นมา ตอนนี้คิดว่าตัวเองชอบเทศกาลนี้มากที่สุดค่ะ หนังในเทศกาลปีนี้ถูกใจดิฉันหลายเรื่องมาก เท่าที่ดูมามีหนังที่ดิฉันไม่ชอบเพียงแค่เรื่องเดียวเท่านั้นในเทศกาลนี้ นั่นก็คือ Fado Blues นอกนั้นชอบหมดเลยทุกเรื่อง

นอกจากเทศกาลนี้จะเป็นเทศกาลที่ชอบมากที่สุดแล้ว วันศุกร์ที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมายังจัดว่าเป็นหนึ่งในวันที่มีความสุขที่สุดในการดูหนังด้วย เพราะได้ดูหนังที่ชอบในระดับ A+ ถึง 4 เรื่องติดต่อกัน รู้สึกเหมือนซื้อหวยแล้วถูกรางวัลติดต่อกัน 4 งวด

หนังที่ได้ดูในวันศุกร์

1.THE NIGHT WILL PAY (2003, NESTOR MAZZINI) A+ หรือ “อนาถาอาถรรพณ์”

หนังเรื่องนี้มีฉากเปิดที่หลอนมาก แต่จบได้ไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ (ในขณะที่หนังหลายเรื่องที่ดิฉันชอบมักจะเป็นหนังที่ทรงพลังในตอนจบ) ตอนนี้ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าชอบอะไรมากกกว่ากันระหว่าง OURS DOESN’T WORK กับ THE NIGHT WILL PAY แต่รู้สึกว่า OURS DOESN’T WORK จะลงตัวมากกว่า สาเหตุนึงคงเป็นเพราะ OURS DOESN’T WORK มีตัวละครน้อยกว่าและมีเนื้อเรื่องน้อยกว่า THE NIGHT WILL PAY ก็เลยทำให้การควบคุมหนังให้ออกมากลมกล่อมเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายกว่า

อย่างไรก็ดี ถึงแม้ THE NIGHT WILL PAY จะไม่ลงตัว แต่การที่หนังเรื่องนี้เน้นไปที่ “ความมืดมนอนธการ” ก็เป็นสิ่งที่ทำให้หนังนี้เข้าทางดิฉันมาก และทำให้หนังเรื่องนี้ตรงข้ามกับ OURS DOESN’T WORK ด้วย เพราะ OURS DOESN’T WORK เน้นไปที่ความสุขและความงดงามภายใต้แสงแดดยามกลางวัน ในขณะที่ THE NIGHT WILL PAY เน้นไปที่มนตร์เสน่ห์อันน่าหลงใหลและน่าพรั่นพรึงในยามกลางคืน

THE NIGHT WILL PAY เหมือนกับลูกนอกสมรสที่มีพ่อเป็นเคน โลช และมีแม่เป็นเดวิด ลินช์ หนังเรื่องนี้มีประเด็นทางสังคมและมีเนื้อหาบางส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาคนจน แต่แฟลตที่คนจนเหล่านี้อาศัยอยู่กลับอบอวลไปด้วยบรรยากาศอาถรรพณ์และปริศนาฆาตกรรมเหมือนกับหมู่บ้านใน Twin Peaks

THE NIGHT WILL PAY มืดไม่แพ้ SOMBRE (1998, PHILIPPE GRANDRIEUX, A+) , ZMEJ (2002, ALEKSEI MURADOV, A+) และ BUS-STOP (ทศพร มงคล, A+) และอาจจะทรงพลังได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของ SOMBRE และ ZMEJ แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ดิฉันชอบหนังเรื่องนี้มากกว่าทุกๆเรื่องในเทศกาล

ดนตรีประกอบของ The Night Will Pay ก็ทำให้นึกถึงส่วนผสมของ SOMBRE และ ZMEJ ด้วย เพราะดนตรีประกอบของ SOMBRE มีเสียงที่ดังและระคายเคืองโสตประสาทอย่างรุนแรงมาก ในขณะที่ดนตรีประกอบของ ZMEJ เน้นความหลอนเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่ดนตรีประกอบของ The Night Will Pay มีทั้งเสียงระคายเคืองและเสียงหลอนอยู่ในเรื่องเดียวกัน

นอกจากฉากกลางคืนจะทำออกมาได้ดีแล้ว ฉากกลางวันบางฉากใน The Night Will Pay ก็ให้ความรู้สึกน่ากลัวไม่แพ้กัน ฉากแรกๆของหนังเรื่องนี้เป็นฉากงานแต่งงานที่จัดขึ้นในเวลากลางวันแสกๆในลานหน้าแฟลต แต่ทำไมฉากที่ถ่ายในยามกลางวันแสกๆมันถึงดูแล้วน่าขนลุกก็ไม่รู้ จุดนึงที่คาใจในฉากนี้ก็คือคนที่มาร่วมในงานแต่งงานใส่ชุดสีดำกันหลายคน ไม่รู้ว่าเป็นสิ่งที่ทำกันปกติหรือเปล่าในอาร์เจนตินาที่คนใส่ชุดดำไปงานแต่งงานกัน

พอดู The Night Will Pay กับ Ours Doesn’t Work แล้วทำให้รู้สึกว่าหนังยาวของประเทศอาร์เจนตินานี่มันน่ากลัวมากๆ หนังยาวสองเรื่องนี้เป็นหนังโนเนมที่ดิฉันไม่เคยได้ยินชื่อจากที่อื่นมาก่อน แต่พลังของมันนี่รุนแรงเกินคาดจริงๆ

2.SEAWARD JOURNEY (2003, GUILLERMO CASANOVA) A+
3.WHISKY ROMEO ZULU (2003, ENRIQUE PINEYRO) A+
มีชื่อของ Martin Rejtman อยู่ในเครดิตท้ายหนังเรื่องนี้ด้วย

หนังเรื่องนี้ถ่ายภาพสวยมาก โดยเฉพาะภาพน้ำตกและภาพเมืองในยามค่ำคืนที่ถ่ายจากเครื่องบิน อีกจุดที่ทำให้ชอบหนังเรื่องนี้มากๆก็คืออารมณ์และจังหวะของหนัง

4.DAUGHTER FROM DANANG (2002, GAIL DOGIN + VICENTE FRANCO) A+
5.THE EDUKATORS (2004, HANS WEINGARTNER) B+

No comments: