Monday, May 01, 2006

LIZZIE BORDEN

7.Erotique (1994)
http://images.amazon.com/images/P/1572522151.01.LZZZZZZZ.jpg

Erotique เป็นหนังเกี่ยวกับผู้หญิงที่ประกอบด้วยเรื่องสั้น 3 เรื่อง และกำกับโดยผู้หญิง 3 คน โดยแต่ละเรื่องต่างก็แฝงแง่มุมสิทธิสตรีและล้อเลียนหนังโป๊ไปด้วยในขณะเดียวกัน

หนังสั้นเรื่องที่หนึ่งมีชื่อว่า Let’s Talk About Sex ซึ่งเป็นผลงานการกำกับของลิซซี บอร์เดน จากสหรัฐ โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับโรซี (กมลา โลเปซ-ดอว์สัน) พนักงานบริการเซ็กส์โฟนและจินตนาการทางเพศของตัวโรซีเอง หนังสั้นเรื่องนี้มีธีมคล้ายคลึงกับหนังยาวของลิซซี บอร์เดนเรื่อง Working Girls (1986) ที่มองโสเภณีในแง่มุมใหม่ (อย่าจำสลับกับ Working Girl ของไมค์ นิโคลส์นะคะ) โดยนักวิจารณ์บางคนนำ Working Girls ของบอร์เดนไปเปรียบเทียบกับหนังของเฟรเดอริค ไวส์แมน ผู้กำกับระดับปรมาจารย์แห่งวงการหนังสารคดีด้วย

หนังสั้นเรื่องที่ 2 ใน Erotique คือ Taboo Parlour ที่กำกับโดยโมนิกา ทรอยท์ ผู้กำกับหญิงตัวแสบจากเยอรมนีที่ชอบกำกับหนังที่ตัวละครแปลงเพศกันจนวุ่นวายไปหมด (คุณสนธยา ทรัพย์เย็น ว่าไว้อย่างนั้น) โดย Taboo Parlour มีเนื้อหาเกี่ยวกับเลสเบียน, การฆาตกรรม และนางเอกของเรื่องที่ชอบพกจู๋เทียมติดตัว หนังเรื่องนี้เปิดฉากด้วยเลสเบียนคนหนึ่ง (คามิลลา โซเบิร์ก) ชักชวนให้แฟนสาวของเธอที่เป็นนักธุรกิจ (พริสซิลลา บาร์นส์) พาผู้ชายกลับบ้านด้วยในคืนหนึ่งเพื่อจะได้ทดลองมีเซ็กส์แบบแปลกๆกัน

ส่วนหนังสั้นเรื่องที่ 3 คือ Wonton Soup ที่กำกับโดยคลารา ลอว์จากฮ่องกง โดยหนังสั้นเรื่องนี้พูดถึงคู่รักหนุ่มสาวชาวจีนที่มีความแตกต่างกัน โดยฝ่ายชาย (ทิม ลูนิบอส) มาจากออสเตรเลียและเป็นคนที่มีแนวคิดแบบตะวันตก แต่ฝ่ายหญิงเดินทางกลับมาฮ่องกงเพราะต้องการหวนคืนสู่รากเหง้าทางวัฒนธรรมของตัวเอง อย่างไรก็ดี ในเวลาต่อมาฝ่ายชายก็พยายามเอาชนะใจฝ่ายหญิงให้ได้โดยใช้ตำรากามสูตรเป็นตัวช่วย หนังสั้นเรื่องนี้แตกต่างจากเรื่องอื่นๆตรงที่เรื่องนี้ไม่มีจุดหักมุมและเน้นพูดถึงความแตกต่างทางวัฒนธรรม ในขณะที่สองเรื่องแรกมีจุดหักมุมและพูดถึงความแตกต่างทางเพศ

ทั้งบอร์เดน, ทรอยท์ และลอว์ ต่างก็เป็นผู้กำกับหญิงที่น่าสนใจมากเลยค่ะ หนังของบอร์เดนที่ดิฉันอยากดูมากคือหนังไซไฟเลสเบียนผิวดำเรื่อง Born in Flames (1983) ที่เล่าเรื่องของโลกอนาคตหลังจากเกิดการปฏิวัติอย่างสันติ ซึ่งเป็นการปฏิวัติที่ส่งผลให้ผู้ชายทุกคนมีสิทธิเสมอภาคกัน แต่ผู้หญิงยังคงด้อยสิทธิกว่าผู้ชาย

ผู้หญิงหลายคนไม่พอใจกับสภาพสังคมนี้ ซึ่งรวมถึงอาเดล (จีน แซทเทอร์ฟิลด์) ที่เป็นสมาชิกของกองทัพปลดแอกสตรี, ฮันนี (ฮันนี) สาวสวยผิวดำที่ทำงานให้กับสถานีวิทยุชื่อ Phoenix และอิซาเบล (อาเดล เบอร์เท) ที่ทำงานตอนกลางคืนในสถานีวิทยุอีกแห่ง

นักวิจารณ์บอกว่า Born in Flames เล่าเรื่องของผู้หญิงที่มารวมตัวกันต่อสู้เพื่อเสรีภาพได้อย่างทรงพลังมาก นอกจากนี้ หนังเรื่องนี้ยังมีทั้งความกล้าหาญ, อารมณ์ขัน และช่วงที่เสียดแทงใจคนดูอย่างรุนแรง ในขณะที่ผู้ชมบางคนตั้งข้อสังเกตว่าถึงแม้หนังเรื่องนี้จะสร้างขึ้นเมื่อ 20 ปีที่แล้ว แต่จนถึงปัจจุบันนี้สิ่งที่ตัวละครหญิงในเรื่องเรียกร้องก็ยังไม่กลายเป็นความจริง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเสมอภาคในที่ทำงาน, ความปลอดภัยจากการถูกลวนลามและอาชญากรรมทางเพศ และตัวแทนของผู้หญิงในภาครัฐบาล นอกจากนี้ หนังเรื่องนี้ยังพูดถึงความคิดเห็นที่แตกต่างกันไปในบรรดาผู้เรียกร้องสิทธิสตรีด้วย

นอกจาก Born in Flames แล้ว หนังเกี่ยวกับเลสเบียนผิวดำที่น่าสนใจยังรวมถึง The Watermelon Woman (1996) และ Stranger Inside (2001) ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้กำกับโดยเชอริล ดูนเย (เธอเกิดที่ไลบีเรีย) และหนังเรื่อง Thin Ice (1994, ฟิโอนา คันนิงแฮม รีด) ส่วนหนังไซไฟเลสเบียนที่น่าสนใจก็รวมถึง The Sticky Fingers of Time (1996, ฮิลารี บรูเกอร์) และ Liquid Sky (1982, สลาวา ซูเคอร์แมน)

WORKING GIRLS (1986, LIZZIE BORDEN)
http://images-eu.amazon.com/images/P/B000059PP7.01.LZZZZZZZ.jpg

MONSTERS (1988, LIZZIE BORDEN + VARIOUS DIRECTORS)
http://images.amazon.com/images/P/B00004RYST.01.LZZZZZZZ.jpg

LOVE CRIMES (1992, LIZZIE BORDEN)
http://images.amazon.com/images/P/6302375762.01.LZZZZZZZ.jpg


8.หนังรวมคุณป้า

ขอย้อนกลับมาที่ How to Make an American Quilt นะคะ หนังอีก 2 เรื่องที่อาจจะพอนำมาเทียบกับหนังเรื่องนี้ได้ก็คือเรื่อง Divine Secrets of the Ya-Ya Sisterhood (2002, แคลลี คูรี) กับ Tea with Mussolini (1998, ฟรังโก เซฟฟิเรลลี) เพราะหนังสองเรื่องนี้มีตัวละครผู้หญิงสูงวัยหลายคนเหมือนกัน อย่างไรก็ดี ดิฉันชอบ How to Make an American Quilt มากกว่า Divine Secrets of the Ya-Ya Sisterhood ค่ะ เพราะชีวิตตัวละครแต่ละตัวใน How to Make an American Quilt น่าสนใจมากๆ และโจห์นาธอน เชค กับลอเรน ดีนในหนังเรื่องนี้ก็หล่อมาก ในขณะที่ Divine Secrets of the Ya-Ya Sisterhood มีจุดดีที่การชุมนุมนักแสดงมีฝีมืออย่างเอลเลน เบอร์สตีน, แม็กกี สมิธ และฟิออนนูลา ฟลานาแกน แต่กลับไม่เปิดโอกาสให้นักแสดงบางคนได้ใช้ศักยภาพทางการแสดงของตัวเองอย่างเต็มที่

ส่วน Tea with Mussolini นั้น ดิฉันยังไม่ได้ดูเลยค่ะ แต่ก็อยากดูมากๆ เพราะหนังเรื่องนี้รวมดาราหญิงระดับเจ้าแม่อย่างแชร์, จูดี เดนช์, แมกกี สมิธ, ลิลี่ ทอมลิน และโจน โพลวไรท์เอาไว้ด้วยกัน โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับเด็กชายชื่อลูกาที่เติบโตขึ้นมาในแคว้นทัสคานีของอิตาลีในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งเป็นยุคที่ลัทธิฟาสซิสต์ของมุสโสลินีกำลังเรืองอำนาจ โดยเขาเติบโตขึ้นมาท่ามกลางบรรดาป้าๆที่มีปฏิกิริยาแตกต่างกันไปต่อลัทธิฟาสซิสต์

Tea with Mussolini เป็นอัตชีวประวัติของฟรังโก เซฟฟิเรลลีเองค่ะ โดยก่อนหน้านี้เขาเคยกำกับหนังที่ดิฉันชอบในระดับปานกลางอย่าง Endless Love (1981), Jane Eyre (1995) และ Romeo and Juliet (1968) และกำกับหนังเรื่อง Brother Sun, Sister Moon (1972) ที่เล่าเรื่องของนักบุญฟรานซิสแห่งอัสซิซี กับเรื่อง La Traviata (1982) ที่นำแสดงโดยปลาซิโด โดมิงโก และดัดแปลงมาจากนิยายเรื่อง The Lady of the Camelias ของอเล็กซองดร์ ดูมาส์

THE TAMING OF THE SHREW (1967, FRANCO ZEFFIRELLI)
http://images.amazon.com/images/P/B00000JL7T.01.LZZZZZZZ.jpg

BROTHER SUN, SISTER MOON (1972)
http://images.amazon.com/images/P/B00015HX9A.01.LZZZZZZZ.jpg

JESUS OF NAZARETH (1977, FRANCO ZEFFIRELLI)
http://images-eu.amazon.com/images/P/B00004R82T.03.LZZZZZZZ.jpg

THE CHAMP (1979, FRANCO ZEFFIRELLI)
http://images.amazon.com/images/P/B0000648ZW.01.LZZZZZZZ.jpg

OTELLO (1986, FRANCO ZEFFIRELLI)
http://images.amazon.com/images/P/B00007KQ9Y.01.LZZZZZZZ.jpg

มีหนังอีกเรื่องหนึ่งของเซฟฟิเรลลีที่ดิฉันอยากดูมากเลยค่ะ นั่นก็คือเรื่อง Sparrow (1993) ที่นำแสดงแองเจลา เบททิส ดาราหญิงคนโปรดของดิฉันจาก Carrie (2002) และ Toolbox Murders (2003) โดยในเรื่องนี้เบททิสรับบทเป็นมาเรีย หญิงสาวที่อพยพออกจากเมืองคาตาเนียในซิซิลีในปี 1854 เพื่อหนีโรคระบาด โดยเธอได้ไปอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ที่หรูหราใกล้ภูเขาเอตนาร่วมกับพ่อ (จอห์น คาสเซิล) ที่รักใคร่ดูแลเธอเป็นอย่างดี และแม่เลี้ยง (ชีนเนด คูแซค จาก My Mother Frank) ที่ชอบบงการชีวิตเธอ

มาเรียได้พบกับหนุ่มหล่อชื่อนีโน่ (โจห์นาธอน เชค จาก How to Make an American Quilt) ที่รักเธออย่างรุนแรง และความรักนี้ก็ทำให้มาเรียสับสนว่าเธอควรจะทำตามความตั้งใจเดิมที่จะบวชเป็นชีดีหรือไม่

หนังเมโลดรามาเรื่องนี้ได้วาเนสซา เรดเกรฟมารับบทเป็นแม่ชีโรคจิต และได้แฟรงค์ ฟินเลย์ มารับบทเป็นพระที่น่ารังเกียจด้วย โดยก่อนหน้านี้ฟินเลย์เคยเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาดาราประกอบชายมาแล้วจาก Othello (1965)

SPARROW
http://www.nfi.no/sysimg/sisutitles/org/6698.jpg

ANGELA BETTIS
http://www.originalhollywoodhorrorshow.com/images/Angela.jpg

SINEAD CUSACK ใน HOFFMAN (1970, ALVIN RAKOFF)
http://www.filmposters.com/images/posters/8261.jpg

No comments: