Saturday, July 01, 2006

REMI BEZANCON

ชอบงานสถาปัตยกรรมใน LABYRINTH (1986, JIM HENSON, A) มากๆเลยค่ะ

CHARLES SAATCHI ท่าทางจะเป็นนักสะสมผลงานศิลปะที่ดังมาก ลองเข้าไปดูศิลปินคนอื่นๆที่เขาสนับสนุนได้ที่
http://www.saatchi-gallery.co.uk/artists/other-key-artists.htm

เห็นผลงานของรอน มูเอ็คแล้ว รู้สึกว่าเขาน่าจะสร้างหนังเรื่อง “ห้องหุ่น” นะ

ในทศวรรษ 1980 ดิฉันอยากเป็นภรรยาของกู้กวนจง

ในทศวรรษ 1990 ดิฉันอยากเป็นภรรยาของกั๊วะฟู่เฉิง

ส่วนในทศวรรษนี้ ดิฉันยังตัดสินใจไม่ได้เลยค่ะว่าถ้าเลือกสามีชาวจีนได้เพียงคนเดียว ดิฉันจะเลือกใครดี แบบว่าหลายใจมากค่ะ ต้องขอขอบคุณคุณ TARENCE มากค่ะที่ทำรายชื่อนี้มาประกอบการตัดสินใจ

ฮ่าๆๆ จริงๆหลายคนในเว็บบอร์ดนี้ก็รู้จักดิฉันแล้ว แต่สำหรับคนที่ยังไม่รู้จัก นี่คือข้อมูลส่วนตัวบางประการเกี่ยวกับดิฉันค่ะ

1.ดิฉันเป็นผู้ชายค่ะ แต่ใช้สรรพนามว่าดิฉันเพราะมันตรงกับใจตัวเองมากกว่า

2.งานปัจจุบันทำเกี่ยวกับข่าว

3.อดีตเคยทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟในบาร์เกย์

4.สมัยเมื่อหลายปีก่อน เคยได้รับรายได้พิเศษจากฝรั่งผู้ชายสูงวัย แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไร พออายุ 26 ปี ก็เริ่มอ้วนขึ้นๆ จนขายไม่ออกอีกต่อไป รายได้พิเศษอันพึงมีพึงได้ก็เลยหายไปด้วย เกลียดความอ้วนของตัวเองมากๆ

5.คิดว่าที่ตัวเองได้ดูหนังเยอะเพราะมีเวลาว่างมาก ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าดิฉันไม่ค่อยมีเพื่อน ก็เลยมีเวลาอยู่คนเดียวเยอะ และก็ไม่ชอบทำงานนอกเวลา (ยกเว้นงานในข้อ 4) ปัจจุบันนี้ทำงานแค่ 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และไม่ยอมทำงานนอกเวลาอื่นๆอีกเพราะขี้เกียจมาก ไม่สมควรเอาดิฉันเป็นเยี่ยงอย่าง เพราะว่าความขี้เกียจทำงานนอกเวลาทำให้ดิฉันมีฐานะยากจนมากและอาจจะอดตายได้ง่ายๆในอนาคต


ฮือๆๆ ช่วงนี้แทบไม่มีเวลาเล่นอินเทอร์เน็ตเลย

ตอบคุณ HOMOGENIC

ดีใจมากค่ะที่คุณ HOMOGENIC ชอบ WOLF CREEK ฉากสุริยุปราคาใน WOLF CREEK คงติดอันดับหนึ่งในฉากที่ชอบที่สุดในปีนี้อย่างแน่นอน จริงๆแล้วฉากนี้ไม่มีความสำคัญอะไรกับเนื้อเรื่องเลย และการถ่ายทำฉากนั้นก็ธรรมดามากๆ แต่จังหวะที่ฉากนั้นปรากฏออกมาในหนัง มันกลับก่อให้เกิดความรู้สึกที่รุนแรงมากๆต่อดิฉัน

ได้ดู WOLF CREEK ก่อนดู SILENT HILL และรู้สึกว่า WOLF CREEK ส่งผลให้หนังเรื่องอื่นๆ “จืด” ไปเลยในสายตาของดิฉัน จริงๆแล้วก็รู้สึกประทับใจกับบรรยากาศช่วงต้นและเนื้อหาช่วงท้ายของ SILENT HILL มากพอสมควร แต่ความน่ากลัวของ SILENT HILL ทาบไม่ติดกับ WOLF CREEK จริงๆ

WOLF CREEK ส่งผลให้ดิฉันประทับใจกับ SUPERMAN RETURNS น้อยลงด้วย เพราะขณะที่ดู SUPERMAN RETURNS ดิฉันก็รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ถ่ายแสงอาทิตย์ออกมาได้สวยน่าประทับใจเหมือนกัน แต่พอนำฉากแสงอาทิตย์ใน WOLF CREEK กับฉากแสงอาทิตย์ใน SUPERMAN RETURNS มาเทียบกันในใจตัวเองแล้ว ก็รู้สึกว่าแสงอาทิตย์ใน SUPERMAN RETURNS มันดูพลาสติกมากๆ

อย่างไรก็ดี การได้เห็นซูเปอร์แมนเริงร่าท้าแสงแดดใน SUPERMAN RETURNS กับการได้เห็นมนุษย์ตัวเล็กกระจ้อยร่อยดิ้นรนกระเสือกกระสนกลางแสงอาทิตย์ที่แผดกล้าและทารุณเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอดใน WOLF CREEK ก็ทำให้อยู่ดีๆดิฉันก็นึกถึงประโยคในนิยายเรื่อง TESS OF THE D’UBERVILLES (THOMAS HARDY, A+++++) ที่นางเอกพูดกับพระเอกว่า "I shouldn't mind learning why--why the sun do shine on the just and the unjust alike.”


ตอบน้อง merveillesxx

หนังของ WERNER HERZOG ที่มีฉากเข็นครกขึ้นภูเขาคือเรื่อง FITZCARRALDO (1982, A-) ค่ะ

สัปดาห์ที่แล้วได้ฟังรายการ A-POP ของดีเจเอ็ดดี้ (สุทธิธรรม สุจริตตานนท์) รู้สึกชอบเพลงของ YUKI KOYANAGI
http://www.koyanagi-yuki.net

แต่หลังจากนี้คงไม่ได้ฟังรายการนี้อีกหลายสัปดาห์ เพราะช่วงเช้าวันอาทิตย์กะว่าจะออกไปดูหนังสั้นของมูลนิธิหนังไทยที่ TK PARK

ชอบถ้ำพระยานครมากๆ ถ้าจำไม่ผิด ในถ้ำจะมีหินก้อนใหญ่ที่ดูคล้ายจระเข้ยักษ์ด้วย เห็นแล้วรู้สึกกลัวมากๆ รู้สึกเหมือนกับว่ามันเป็นจระเข้ปีศาจที่ถูกสาปให้กลายเป็นหิน และอาจจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ทุกเมื่อ

ถ้าจำไม่ผิด ถ้ำพระยานครจะอยู่ไม่ไกลจาก CLUB ALDIANA ที่ปากน้ำปราณ (ไม่รู้ว่าปัจจุบันยังมีอยู่หรือเปล่า เพราะไม่ได้ไปแถวนั้นมานานหลายปีแล้ว) ซึ่งเป็นรีสอร์ทที่น่าพักมาก เพราะฝรั่งหนุ่มหล่อเยอะดี โดยเฉพาะจากเยอรมนี เหมาะจะใช้เป็นสถานที่จัดรับน้องเป็นอย่างยิ่ง ถ้าตัวเองต้องจัดกิจกรรมรับน้อง ก็อยากให้จัดที่ CLUB ALDIANA นี้ ส่วนอัตราค่าห้องรู้สึกว่าจะประมาณ 70-220 ดอลลาร์ต่อคืน (2700-8400 บาท) (อัตรานี้ได้มาจาก YAHOO.COM ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า)
http://www.travelfirst.com/pays/thahot2_e.html

พูดถึงกิจกรรมชิงธง ก็มักจะนึกถึงละครทีวีเรื่อง 14 นางสิงห์จ้าวยุทธจักร (A+) ที่ได้ดูตอนเด็กๆ ที่นำแสดงโดยวังหมิงฉวนกับฝงเป๋าเป่า จำรายละเอียดไม่ค่อยได้แล้ว ถ้าจำไม่ผิด จะมีฉากนึงที่สองสาวไผฟงกับหงส์หยก (หยางพ่านพ่าน) ต้องแข่งขันกัน โดยผู้ชนะต้องชิงธงบนยอดเสาและเขียนคำอะไรสักอย่างลงบนธงให้ได้ ซึ่งทุกคนก็คาดว่าไผฟงต้องแพ้แน่ๆ เพราะไผฟงไม่มีวิชาตัวเบา และไผฟงอ่านเขียนหนังสือไม่ออก

แต่พอถึงเวลาแข่งขัน ไผฟงก็พูดจาล่อหลอกอะไรสักอย่างให้หงส์หยกใช้วิชาตัวเบากระโดดขึ้นไปเขียนตัวอักษรนั้นลงบนธงที่ยอดเสา แล้วไผฟงก็ใช้ผ้าคาดเอวสะบัดพึ่บขึ้นไปคว้าธงนั้นลงมาจากยอดเสา และเขียนตัวอักษรทับลงไปบนสิ่งที่หงส์หยกเขียนไว้แล้ว และไผฟงก็เป็นผู้ชนะไป


หนังที่ได้ดูในช่วงนี้

1.LOVE IS IN THE AIR (2005, REMI BEZANCON, A+)

2.THE TIGER BRIGADES (2006, JEROME CORNUAU, A+)

3.OKOGE (1992, TAKEHIRO NAKAJIMA, A)
หนังเกย์ที่ดูทางวิดีโอ

4.THE YEAR OF THE YAO (2004, ADAM DEL DEO + JAMES D. STERN, A)
ได้ดูหนังเรื่องนี้ที่สยาม ปรากฏว่าทางโรงปิดม่านตั้งแต่หนังยังไม่จบ เซ็งจริงๆ (ดูหนังเรื่องนี้วันพฤหัสบดี รอบ 15.30 น.)

5.TAKE THE LEAD (2006, LIZ FRIEDLANDER, A)

6.THE OTHER FINAL (2003, JOHAN KRAMER, BHUTAN, A-)
หนังสารคดี ดูที่ห้องสมุดธรรมศาสตร์

7.SUPERMAN RETURNS (2006, BRYAN SINGER, A-)
J. HOBERMAN จาก VILLAGE VOICE พูดถึงแง่มุมทางศาสนาในหนังเรื่องนี้ได้อย่างน่าสนใจมาก อ่านบทวิจารณ์นี้ได้ที่
http://www.villagevoice.com/film/0626,hoberman,73669,20.html

here Superman's return to Krypton suggests a heritage tour to Poland: "That place was a graveyard," he tells his adoptive mother. "I'm all that's left." Prominently placed in the "Metropolis"-establishing shot, just south of the absent WTC, is that monument to exile, the Museum of Jewish Heritage.

the Last Son of Krypton has established himself as a complete Trinity. He's the father and the son and, something of an eternal spirit.

8.A TICKET TO OUTER SPACE (2006, ERIC LARTIGAU, A-)

9.THE GOLDEN BALL (1994, CHEIK DOUKOURE, GUINEA A-/B+)
ดูที่ห้องสมุดธรรมศาสตร์
http://images-eu.amazon.com/images/P/B00005NQ3A.08.LZZZZZZZ.jpg

10.NEVER SAY NEVER (2005, ERIC CIVANYAN, A-/B+)


FAVORITE SOUNDTRACK

1.FORD MUSTANG – SERGE GAINSBOURG ประกอบหนังเรื่อง LOVE IS IN THE AIR
http://www.amazon.com/gp/product/B000001EIC/102-8903156-0052945?v=glance&n=5174
http://ec1.images-amazon.com/images/P/B000001EIC.01._SS500_SCLZZZZZZZ_V1115400830_.jpg

2.MA VIE EN L’AIR – JEANNE CHERHAL ประกอบหนังเรื่อง LOVE IS IN THE AIR
http://www.amazon.fr/gp/product/B000B7HYWO/403-5720973-5705252?v=glance&n=301062


อ่านข่าวแล้วนึกถึงหนัง

ได้อ่านข่าวสองข่าวที่น่าสนใจในช่วงนี้ ก็เลยนึกถึงหนังที่ได้ดูค่ะ

1.ข่าวเรื่องกองทหารสหรัฐฆ่าข่มขืนหญิงสาวชาวอิรักและฆ่าครอบครัวของเธอ ตาย ซึ่งรวมถึงเด็ก อ่านข่าวนี้แล้วนึกถึงหนังเรื่อง CASUALTIES OF WAR (1989, BRIAN DE PALMA, A+++++) และ O.K. (1970, MICHAEL VERHOEVEN) ซึ่งสร้างจากเรื่องจริงของกองทหารสหรัฐที่ฆ่าข่มขืนหญิงสาวชาวเวียดนาม
http://news.yahoo.com/s/ap/20060701/ap_on_re_mi_ea/iraq

2.ข่าวเรื่อง RAILROAD KILLER หรือฆาตกรโรคจิตที่ออกตระเวนไปทั่วสหรัฐตามรถไฟขนสินค้า และบุกเข้าไปในบ้านคนใกล้ทางรถไฟและฆ่าคนในบ้านเหล่านั้น โดยเขาเคยฆ่าคนมาแล้วราว 15 คน อ่านข่าวนี้แล้วทำให้นึกถึงหนังเรื่อง CAPOTE (2005, BENNETT MILLER, A+++++) และ IN COLD BLOOD (1967, RICHARD BROOKS)
http://news.yahoo.com/s/ap/20060628/ap_on_re_us/railroad_killer_execution_16


COPY FROM SCREENOUT WEBBOARD

--ได้ฟังเพลงปีศาจหมาดำของน้อง VESPERTINE แล้ว เพลงเริ่ดมากๆเลยค่ะ ฟังแล้วหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็งไปหมด โดยเฉพาะเอฟเฟคท์เสียงตรงคำว่า “นรก” และการออกเสียงตรงคำว่า “หน้าตาเฉย” กับ “เหม็น”
http://www.yousendit.com/transfer.php?action=download&ufid=BD7527564D0D6B8F


เนื้อเพลงปีศาจหมาดำที่พยายามแกะเอง

บาปบุญคุณรู้กันดี
อเวจีและสวรรค์ต่างกัน
ทำชั่วถูกนรกลงทัณฑ์
แดนสวรรค์ไม่ต้อนรับคนเลว

เขามีสิ่งซ้อนเร้นแอบแฝง
ในดวงตาร้อนแรงริษยา
จิตใจมีกิเลสตัณหา
หลายคนอยากค้นหาความจริง

หรือมีสิ่งคอยบงการ ชีวิต
ครอบงำความคิดให้กระทำ
สร้างเงื่อนปมเป็นปีศาจหมาดำ
ก่อเวรสร้างกรรมหน้าตาเฉย

แต่ความผิดแม้ปิดบังสักเท่าใด
ความลับไม่มีอยู่ในโลกมนุษย์
ต้องเผยความจริงสักวัน

ที่จริงเขาคือฆาตกร
ซ่อนตัวเหมือนไร้หัวใจ
ไม่มีรักจริงใจให้ใคร
หัวใจก้อนใหญ่ถูกสาปให้เลว

เขาย่างเดินบนเส้นทาง นรก นรก นรก
จุดจบคือรับเวรที่สร้างทำ
จะหลบหลีกหนีหลีกซ้อนเร้น
แต่กลิ่นเหม็นของความชั่วติดตัวไป

แต่ความผิดแม้ปิดบังสักเท่าใด
ความลับไม่มีอยู่ในโลกมนุษย์
ต้องเผยความจริงสักวัน

ที่จริงเขาคือฆาตกร
ซ่อนตัวเหมือนไร้หัวใจ
ไม่มีรักจริงใจให้ใคร
หัวใจก้อนใหญ่ถูกสาปให้เลว


ขอตอบทุกคนอย่างสั้นๆก่อนนะคะ

ตอบคุณอ้วน

พูดถึงเจ้าชาย ก็นึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อไม่กี่ปีก่อน ดิฉันเคยรู้สึกอิจฉา CLOTILDE COURAU (1969) ดาราหญิงชาวฝรั่งเศสอย่างมากๆ เพราะเธอได้แต่งงานกับเจ้าชายเอ็มมานูเอล ฟิลิเบร์โต แห่งราชวงศ์ซาวอยของอิตาลี
http://www.imdb.com/name/nm0183660/

CLOTILDE COURAU เคยแสดงหนังหลายเรื่องที่มาเปิดฉายในกรุงเทพ ซึ่งได้แก่เรื่อง

1.L’APPAT (1995, BERTRAND TAVERNIER, A+)
http://images-eu.amazon.com/images/P/B00008A8RD.08.LZZZZZZZ.jpg

2.ALMOST PEACEFUL (2002, MICHEL DEVILLE, A+)

3.SEE HOW THEY RUN (2002, MICHEL BLANC, A+)

4.DEEP IN THE WOODS (2000, LIONEL DELPLANQUE, A-/B+)

5.MON IDOLE (2002, GUILLAUME CANET, B)

6.LE POULPE (1998, GUILLAME NICLOUX, B/B-)

7.LA MONTALE (2002, MANUEL BOURSINHAC, C-)


รูปของ CLOTILE COURAU จากหนังเรื่อง NUIT NOIRE, 17 OCTOBRE 1961 (2005, ALAIN TASMA) ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับเหตุการณ์จริงที่ตำรวจฝรั่งเศสปราบปรามกลุ่มผู้เดินขบวนเพื่อแอลจีเรียราว 20,000 คน
http://a69.g.akamai.net/n/69/10688/v1/img5.allocine.fr/acmedia/medias/nmedia/18/36/09/15/18453083.jpg

ถ้าหากดิฉันเข้าใจไม่ผิด เนื้อหาในหนังเรื่อง NUIT NOIRE, 17 OCTOBRE 1961 มีส่วนเกี่ยวพันกับเนื้อหาในหนังเรื่อง HIDDEN (2005, MICHAEL HANEKE, A+) ด้วย เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพ่อแม่ของตัวละครสำคัญใน HIDDEN คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน NUIT NOIRE นี้เอง

เจ้าชาย EMMANUEL FILIBERTO แห่งราชวงศ์ซาวอย
http://www.obozrevatel.com/files/8/_News_Photo_image_large_8664.jpg
http://www.greatdreams.com/fib5-italy.jpg

อย่างไรก็ดี หลังจากดิฉันเคยรู้สึกอิจฉา CLOTILDE COURAU ตอนนี้ดิฉันก็เลิกอิจฉาเธอแล้วค่ะ เพราะเจ้าชาย VICTOR EMMANUEL ซึ่งเป็นพระบิดาของเจ้าชายเอ็มมานูเอล ฟิลิเบร์โต เพิ่งถูกตำรวจอิตาลีจับกุมตัวในข้อหาค้าโสเภณี
http://news.yahoo.com/s/afp/20060617/en_afp/italyroyalsarrest_060617161713

เจ้าชายวิคเตอร์ เอ็มมานูเอลเคยตกเป็นข่าวอื้อฉาวมาแล้วหลายครั้ง อย่างเช่น

1.เขาเคยยิงนักท่องเที่ยวชาวเยอรมันตายบนเกาะคอร์ซิกาในปี 1978

2.เขาเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเป็นสมาชิกกลุ่มขวาจัดในทศวรรษ 1970

3.เขาเป็นผู้ต้องสงสัยในขบวนการค้าอาวุธข้ามชาติในทศวรรษ 1970

4.เขากล่าวปกป้องคำพูดของปู่เขาที่แสดงถึงความเกลียดชังชาวยิว

5.ราชวงศ์ซาวอยของเขาเคยถูกขับไล่ออกจากอิตาลีหลังสงครามโลกครั้งที่สองในข้อหาสนับสนุนมุสโสลินี


ตอบคุณแฟรงเกนสไตน์

อ่านแล้วทำให้อยากดู TOKYO NOTES มากๆเลยค่ะ

พูดถึงปฏิกิริยาต่อข่าวและภาพสงคราม ทำให้นึกถึงฉากหนึ่งใน PERSONA (1966, INGMAR BERGMAN, A+) ที่มีฉากที่ตัวละครดูข่าวในเวียดนามแล้วข่าวนั้นดูเหมือนจะส่งผลกระทบต่อจิตใจตัวละครเป็นอย่างมาก

และก็ทำให้อยากอ่านหนังสือ REGARDING THE PAIN OF OTHERS ของ SUSAN SONTAG ด้วย โดยหนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับภาพข่าวสงครามและผลกระทบต่อผู้ที่ได้ชมภาพเหล่านั้น
http://www.amazon.com/gp/product/0374248583/qid=1151727587/sr=2-3/ref=pd_bbs_b_2_3/102-8903156-0052945?s=books&v=glance&n=283155

Twenty-six years after the publication of her influential collection of essays On Photography (1977), Sontag reconsiders ideas that are "now fast approaching the status of platitudes," especially the view that our capacity to respond to images of war and atrocity is being dulled by "the relentless diffusion of vulgar and appalling images" in our rapaciously media-driven culture. She has come to doubt her youthful contention that repeated exposure to images of suffering necessarily shrivels sympathy, and she doubts even more the radical yet influential spin that others put on this critique-that reality itself has become a spectacle. "To speak of reality becoming a spectacle... universalizes the viewing habits of a small, educated population living in the rich part of the world...." Sontag reminds us that sincerity can turn a mere spectator into a witness, and that it is the heart rather than fancy rhetoric that can lead the mind to understanding.
http://www.radio-quality.co.uk/images/pain.jpg
http://www.quepasa.com/newsimages/cartoon1052/2/Susan%20Sontag.jpg

ส่วนประโยคนี้ของเทพธิดาพยากรณ์แฟรงเกนสไตน์

“ไม่ต่างอะไรกับการที่คนเราเกิดมา มีชีวิตอยู่ แล้วตายไปอย่างว่างเปล่า”

ก็ทำให้นึกถึงบทสนทนาที่ชอบมากในหนังเรื่อง 2 OR 3 THINGS I KNOW ABOUT HER (1967, JEAN-LUC GODARD, A+) ค่ะ

Robert: Well, we got there.
Juliette Janson:
Where?
Robert:
Home.
Juliette Janson:
So what now?
Robert:
We go to bed. What's up with you?
Juliette Janson:
And then?
Robert:
We wake up.
Juliette Janson:
And then?
Robert:
Same again. We'll wake up. We'll eat.
Juliette Janson:
And then?
Robert:
I don't know. Die.
Juliette Janson:
And then?

หนังเรื่อง 2 OR 3 THINGS I KNOW ABOUT HER เป็นหนังที่มีประโยคประทับใจเยอะมาก อย่างเช่น
http://www.imdb.com/title/tt0060304/quotes

--Words never say what I'm really saying.

--I had a dream last night, you know. I was walking all alone at the edge of a cliff. The path was only wide enough for one person. Suddenly I saw two twins walking toward me. I wondered how they would get past. Suddenly one of the twins went towards the other and they became one person. And then I realized that these two people were North and South Vietnam being united.

--Something may make me cry, but the reason for my tears is not contained in their traces on my cheeks. In other words, you can describe what happens what I do something, without necessarily indicating what makes me do it.

-- I've changed and I'm still the same.

-- Objects exist, and if we pay them more attention than we do people, it is because they exist more than those people. Dead objects live on. Living people are often dead already.



ตอบคุณ JO

เสียดายจังเลยค่ะ วันที่ 9 ก.ค.ไม่ว่าง ต้องทำงานค่ะ

ชอบเกมเซาน่าของคุณ JO มากๆเลยค่ะ สนุกมากๆ เป็นการตอบสนองอารมณ์ใคร่ของดิฉันได้เป็นอย่างดีโดยไม่ต้องกลัวติดเอดส์ ฮ่าๆๆๆๆ

No comments: