Tuesday, November 24, 2015

MURDER (UN) SEEN (2015, Grisana Punpeng, stage play, A+30)

MURDER (UN) SEEN (2015, Grisana Punpeng, stage play, A+30)

1.ชอบการแสดงของนักแสดงนำทั้ง 4 คนมากๆ โดยเฉพาะคุณโฬฬา วรกุลสันติ ที่เราไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน

2.สาเหตุที่ทำให้ชอบละครเรื่องนี้สุดๆคงเป็นเพราะการแบ่งผู้ชมออกเป็นสองส่วน และแต่ละส่วนก็ได้รับชมในสิ่งที่ไม่เหมือนกันนี่แหละ เรารู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่แปลกใหม่ดีสำหรับเรา และทำให้มันไปไกลกว่าหนังกลุ่ม RASHOMON ที่อาจจะมีอะไรบางอย่างคล้ายๆกัน นั่นก็คือการหาบทสรุปที่แน่นอนไม่ได้ว่าใครเป็นฆาตกร

3.คือตอนที่เราดู MURDER (UN) SEEN เราจะนึกถึงหนังหลายๆเรื่องที่เกี่ยวกับปริศนาฆาตกรรม ที่มีผู้ต้องสงสัยหลายคน โดยเฉพาะหนังเรื่อง TALVAR (GUILTY) (2015, Meghna Gulzar, India, A+30) ที่สร้างจากคดีจริงเกี่ยวกับการฆาตกรรมเด็กสาวคนหนึ่งในบ้านของตัวเอง เพราะในตอนแรกตำรวจจะมองว่าฆาตกรต้องเป็นใครคนใดคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น แต่ในความเป็นจริงนั้น ฆาตกรหรือกลุ่มฆาตกรอาจจะมาจากนอกบ้านก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นคนในบ้านเดียวกัน เพราะฉะนั้นตอนที่เราดู MURDER (UN) SEEN เราจะแอบนึกในใจว่า มันมีความเป็นไปได้เสมอที่ฆาตกรอาจจะเป็นคนอื่นนอกเหนือจาก 3 คนนี้ เพราะเราไม่ได้เห็นรายละเอียดที่ชัดเจนว่าทำไมฆาตกรถึงถูกจำกัดวงไว้แค่ 3 คนนี้เท่านั้น

แต่เราว่าสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจใน MURDER (UN) SEEN ก็คือว่า มันแตกต่างจากหนังที่สร้างจากคดีปริศนาฆาตกรรมจริงหลายๆเรื่อง เพราะหนังหลายๆเรื่องในกลุ่มนี้ ผู้สร้างหนังมันจะมีความเอนเอียงอยู่แล้วว่าเขาคิดว่าใครคือฆาตกรตัวจริง ซึ่งรวมถึงหนังเรื่อง TALVAR เอง ที่ผู้สร้างหนังพยายามหว่านล้อมให้ผู้ชมเชื่อว่า กลุ่มฆาตกรเป็นคนที่มาจากนอกบ้าน ถึงแม้ศาลจะตัดสินว่าฆาตกรคือพ่อแม่ของเด็กสาวคนนั้นก็ตาม

เพราะฉะนั้นเราก็เลยชอบ MURDER (UN) SEEN ในแง่ที่ว่า บทละครเรื่องนี้มันเฉลี่ยน้ำหนักได้ดีน่ะ มันไม่ได้โน้มเอียงไปในทางใดทางหนึ่งอย่างชัดเจนว่าใครคือฆาตกร มันทำให้เราชั่งน้ำหนักได้ยากพอสมควรว่าใครคือฆาตกรในสามคนนี้ มันก็เลยแตกต่างจากหนังกลุ่มคดีฆาตกรรรมจริงหลายๆเรื่อง

4.แต่การที่ผู้ชมไม่สามารถตัดสินใจได้อย่างง่ายดายว่าใครคือฆาตกร มันก็อาจจะทำให้ละครเวทีเรื่องนี้ไปคล้ายกับหนังกลุ่ม RASHOMON ในแง่นึง อย่างไรก็ดี ละครเวทีเรื่องนี้ก็แตกต่างจากหนังกลุ่ม RASHOMON ในแง่ที่ว่า ในหนังกลุ่ม RASHOMON นั้น ผู้ชมทุกคนจะได้รับข้อมูลอย่างครบถ้วนเท่าๆกันน่ะ แต่ในละครเวทีเรื่องนี้ ผู้ชมทุกคนจะได้รับข้อมูลไม่ครบถ้วนและไม่เหมือนกัน เราก็เลยรู้สึกว่านี่เป็นอะไรที่แปลกใหม่ดีสำหรับเรา

5.แต่เราก็ไม่ได้เลือกให้ใครเป็นฆาตกรในตอนจบนะ เพราะว่า

5.1 เรารู้สึกว่าแหล่งที่มาของข้อมูลในหลายๆฉากมันไม่น่าเชื่อถือ เพราะแหล่งที่มาของข้อมูลในหลายๆฉากมันมาจากคนที่แอบฟังหรือบังเอิญได้ยินหรืออะไรทำนองนี้ หรือแม้แต่ตัวเจ้าของร้านอาหารเองก็ให้การในสิ่งที่อาจจะลำเอียงและไม่เป็นความจริงก็ได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราได้เห็นในหลายๆฉากอาจจะไม่เป็นความจริง เราก็เลยไม่รู้ว่า เราสามารถเชื่อได้ว่าฉากไหนบ้างที่เป็นความจริงในเรื่องนี้

5.2 เรารู้สึกว่า เราไม่อยากตัดสินว่าใครเป็นฆาตกร จนกว่าจะได้เห็น “หลักฐานมัดตัว” น่ะ โดยเฉพาะหลักฐานทางนิติเวช หรือสิ่งที่ได้รับการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ แต่ละครเวทีเรื่องนี้ไม่ได้พูดถึงหลักฐานมัดตัวในที่เกิดเหตุอะไรเท่าไหร่ แต่แค่แสดงให้เห็นว่า ทั้ง 3 คนต่างก็มี “แรงจูงใจ” ในการฆาตกรรมเท่านั้น ซึ่งโดยปกติแล้วเรามองว่า “แรงจูงใจ” มันเป็นสิ่งที่ห่างไกลจาก “การฆาตกรรมจริง” เป็นอย่างมาก เพราะเราเชื่อว่ามนุษย์แต่ละคนต่างก็แอบซ่อนความเกลียดชังคนหลายคนไว้ในใจตัวเอง มนุษย์แต่ละคนต่างก็มี “แรงจูงใจ” ในการฆ่าคนหลายคนกันทั้งนั้น แต่ก็ไม่มีใครลุกขึ้นมาประกอบการฆาตกรรมกันจริงๆ เพราะฉะนั้นเราก็เลยรู้สึกว่า “แรงจูงใจ” มันไม่สามารถใช้ตัดสินได้แต่อย่างใดว่าใครคือฆาตกร นี่ยังไม่นับอีกว่า การฆาตกรรมหลายๆครั้งเกิดขึ้นโดยฆาตกรโรคจิตที่อาจจะฆ่าคนเพียงเพราะอยากฆ่าคนโดยแทบไม่มีเหตุผลด้วยซ้ำ เหมือนอย่างที่เราเคยดูในหนังสารคดีเรื่อง BAD BOYS CELL 425 (2009, Janusz Mrozowski, Poland, A+30) เพราะฉะนั้นการที่เราได้เห็นเพียงแค่ “แรงจูงใจ” แต่เราไม่ได้รับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับหลักฐานต่างๆในที่เกิดเหตุอย่างละเอียด มันก็เลยไม่ทำให้เรารู้สึกอยากเลือกว่าใครคือฆาตกรในเรื่องนี้


6.แต่เราชอบมากนะที่ละครเรื่องนี้ทำให้เราคิดถึงอะไรต่างๆข้างต้น ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะเลือกใครหรือไม่เลือกใครเป็นฆาตกร การกระตุ้นความคิดแบบนี้เป็นสิ่งที่เราชอบมาก และเราว่าละครเรื่องนี้มันสะท้อนบางสิ่งที่เราพบเจอในชีวิตประจำวันของเราด้วย อย่างเช่นการทะเลาะกันทาง social อย่างเช่นเรื่องเมียทหารตบคนท้องอะไรทำนองนี้ เพราะในกรณีแบบนี้เราไม่สามารถตัดสินเข้าข้างใครได้ง่ายๆหรอก จนกว่าเราจะได้รับรู้ข้อมูลจากทุกๆฝ่ายอย่างครบถ้วนก่อน

No comments: