Saturday, February 04, 2017

MISS SLOANE (2016, John Madden, A+25)

MISS SLOANE (2016, John Madden, A+25)

1.เกรดหนังเรื่องนี้อาจจะร่วงต่ำลงไปเรื่อยๆจนถึง F ในอนาคต เพราะรู้สึกรับตอนจบของหนังเรื่องนี้ไม่ได้ 555

2.คือถ้าไม่นับช่วง 15 นาทีสุดท้ายของหนัง เราชอบหนังเรื่องนี้อย่างสุดๆเลยนะ เพราะเราชอบหนังที่นำเสนอ “อาชีพ” ของคน หรือ “วงการทำงานของคนในบางวิชาชีพ” น่ะ โดยเฉพาะหนังที่นำเสนอคนที่ตั้งใจทำงานในอาชีพนั้นๆ ซึ่งในเรื่องนี้ก็ดูเหมือนจะตีแผ่การทำงานของ lobbyists ได้ดีมากๆ

คือมันเป็นสาเหตุเดียวกับที่ทำให้เราชอบหนังเรื่อง SPOTLIGHT (2015, Tom McCarthy), THE BIG SHORT (2015, Adam McKay), MARGIN CALL (2011, J.C. Chandor), HAPPY FLIGHT (2008, Shinobu Yaguchi),  CORPORATE (2006, Madhur Bhandarkar) และ NOTHING VENTURED (2004, Harun Farocki) อย่างสุดๆน่ะ เพราะหนังกลุ่มนี้ก็ตีแผ่การทำงานของคนในบางวิชาชีพได้อย่างดีมากๆเหมือนกัน คือแทนที่หนังจะเล่าเรื่องตัวละครตกหลุมรัก, ตัวละครเสี่ยงตาย หรืออะไรทำนองนี้ หนังกลุ่มนี้กลับนำเสนอ “ตัวละครทำงาน” และให้ความสำคัญกับการทำงานของตัวละครอย่างจริงจังมากๆ

คือถ้าหากไม่นับช่วง 15 นาทีสุดท้ายของ MISS SLOANE หนังเรื่องนี้มีสิทธิติดอันดับประจำปีของเราอย่างแน่นอน เพราะเราชอบหนังแบบนี้มากกว่าหนังชิงออสการ์แบบ LA LA LAND อีก

3.อย่างไรก็ดี ช่วง 15 นาทีสุดท้ายของหนังเป็นสิ่งที่เราไม่ชอบอย่างรุนแรง เพราะแทนที่หนังจะเน้น “ระบบ” หรือ “การทำงาน” หนังกลับไปเน้นการเชิดชูhero และตัวบุคคลแทน และมันขัดกับสิ่งที่เราคาดหวังจากหนังอย่างมากๆ มันเหมือนกับว่าเราถูกหนังเรื่องนี้ทรยศหักหลังอย่างรุนแรงในช่วง 15 นาทีสุดท้าย

เราไม่มีปัญหากับหนังที่เชิดชู “ตัวบุคคล” แบบ SULLY นะ แต่กับ MISS SLOANE นี่ เราว่ามันมีปัญหาที่หนังหาทางออกแบบนั้น

เราว่าหนังมันไม่จริงใจกับตัวละครด้วย คือการที่หนังหันมาเชิดชูตัวละครในช่วงท้าย มันทำให้ตัวละครกลายเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของความฉลาดเฉลียวหรืออะไรสักอย่าง แทนที่จะเป็นมนุษย์จริงๆน่ะ คือถ้าหากหนังมันจริงใจกับตัวละครจริงๆ และทำให้ตัวละครเป็นมนุษย์จริงๆ แทนที่จะเป็น “กระบอกเสียง” เพื่อส่งผ่าน message อะไรสักอย่าง เราอาจจะได้หนังที่ดีสุดๆแบบ IT’S A FREE WORLD (2007, Ken Loach) ก็ได้

คือหนังแบบ IT’S A FREE WORLD มันก็มีนางเอกที่สีเทาสุดๆเหมือนกัน และมันตีแผ่ระบบการทำงานที่คาบเส้นศีลธรรมเหมือนกัน แต่พอหนังมันจริงใจกับตัวละคร และไม่ยัดเยียด message ใส่ปากตัวละคร รวมทั้งไม่ฝืนให้ตัวละครทำอะไรที่เกินจริงผิดมนุษย์มนา IT’S A FREE WORLD มันก็เลยกลายเป็นหนึ่งในหนังที่ฝังใจเราตลอดชีวิตน่ะ ในขณะที่สิ่งที่ MISS SLOANE เลือกทำในช่วง 15 นาทีสุดท้ายของหนังเรื่องนี้ เป็นสิ่งที่เรารู้สึกว่ามันฝืนมากๆ


4.ขอกราบคุณ “วาริน” คนแปล subtitle หนังเรื่องนี้ค่ะ เราว่า subtitle หนังเรื่องนี้แปลยากและเหนื่อยมากๆ

No comments: