Wednesday, April 26, 2017

GARÇON! (WAITER!) (1983, Claude Sautet, France, A+30)

GARÇON! (WAITER!) (1983, Claude Sautet, France, A+30)

1.เรารัก Claude Sautet จริงๆ อันนี้เป็นหนังเรื่องที่ 5 ของเขาที่เราได้ดู ต่อจาก THE THINGS OF LIFE (1970), MAX AND THE JUNKMEN (1971), CÉSAR AND ROSALIE (1972) และ VINCENT, FRANÇOIS, PAUL AND THE OTHERS (1974) และเรารักหนังของเขาทุกเรื่องมากๆ นอกจาก MAX AND THE JUNKMEN ที่เราเฉยๆ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าเราดู MAX AND THE JUNKMEN เมื่อ 20 ปีก่อน ซึ่งอาจจะเป็นเวลาที่เร็วเกินไปสำหรับเราในการที่จะเข้าใจถึงคุณค่าที่แท้จริงของหนังเรื่องนั้น

คือพอดู THE THINGS OF LIFE, CÉSAR AND ROSALIE, VINCENT FRANÇOIS PAUL AND THE OTHERS กับ WAITER! แล้ว เราก็รู้สึกว่า หนังของเขาทุกเรื่องมันไม่มีอะไรใหม่ในเชิงเนื้อหาเลยนะ หนังทั้ง 4 เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของการคบชู้สู่ชาย, พบรัก, แหนงหน่าย, ไม่เข้าใจ, จะเลือกใครดี, เลิกรัก, พบรักใหม่ วนๆเวียนๆกันไป มันเป็นชีวิตรักของ คนธรรมดาในแง่นึงน่ะ คือในเชิง เนื้อหาแล้ว มันอาจจะเรียกได้ว่าไม่มีความคิดสร้างสรรค์อะไรเลย แต่สิ่งที่มันสุดยอดมากๆก็คือว่า Claude Sautet สามารถถ่ายทอดชีวิตรักของคนธรรมดาเหล่านี้ออกมาได้ในแบบที่ซาบซึ้งกินใจเราสุดๆในทุกๆเรื่อง แต่ไม่ใช่ซาบซึ้งกินใจในแง่ทีว่า โอ้ ความรักช่างเป็นอะไรที่ทรงพลัง ช่างเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ ช่างเป็นอะไรที่งดงามนะ แต่มันซาบซึ้งกินใจในแง่ที่ว่า ความรักมันช่างงดงาม แต่อย่าไปยึดติดกับมันมากเกินไปน่ะ 

คือเราไม่แน่ใจว่าทัศนคติขอClaude Sautet จริงๆแล้วมันเป็นยังไงนะ แต่พอดูหนังของเขาแล้ว เรารู้สึกเหมือนกับว่าทัศนคติของหนังหรือทัศนคติของเขามันอาจจะเข้าทางเราน่ะ เพราะตัวละครทั้งชายหญิงในหนังของเขา มีชู้กันเป็นเรื่องธรรมดา ความหลายใจเป็นเรื่องธรรมดา เพราะไม่มีใครเป็นเจ้าของใครอย่างแท้จริง คือถ้าเปรียบเทียบง่ายๆก็เหมือนกับว่า ตัวละครผู้ชาย A มีเมียชื่อ B และมีเมียน้อยชื่อ C แต่หญิง B ก็มีชู้กับผู้ชาย D และหญิง C ก็มีชู้กับผู้ชาย E ด้วย และมันเป็นเรื่องปกติ ผู้ชายแต่ละคนในหนังมีผู้หญิงมากกว่าหนึ่งคนให้เลือกหรือทำให้รู้สึกไขว้เขว และผู้หญิงแต่ละคนในหนังก็มีตัวเลือกผู้ชายให้เลือกหลายคนเช่นเดียวกัน 

คือเราชอบ ความไม่ยึดติดกับคู่รักมากเกินไปในหนังของเขาน่ะ คือแทนที่ตัวละครในหนังของเขาจะหึงหวงและผูกมัดคนรักไว้กับตัวเองเพียงคนเดียวไปจนวันตาย เหมือนกับว่าคู่รักเป็นสมบัติของเราเพียงคนเดียว ตัวละครในหนังของเขากลับพบว่า ความสุขที่แท้จริงคือการยอมรับความจริงที่ว่า คู่รักของเราไม่ใช่สมบัติของเรา เขาผ่านเข้ามา ร่วมสุขกับเราเพียงชั่วคราวเท่านั้น แล้วสักวันเขาก็อาจจะจากเราไป แล้วเราก็หาผัวใหม่สิ หรือไม่เราก็มีผัวสำรองอีกสัก 2 คนไปด้วยในเวลาเดียวกัน เพราะพอผัวเราทิ้งเราไปหาหญิงใหม่ เราก็มีผัวสำรองหรือคนรักสำรองอยู่แล้ว

คือเราว่าทัศนคติอะไรแบบนี้มันเข้าทางเรามากๆ และมันทำให้เราอินสุดๆกับหนังรักโรแมนติกของ Claude Sautet ในขณะที่เราจะไม่อินกับนางเอกของหนังอย่าง 45 YEARS (2015, Andrew Haigh) และ I AM NOT MADAME BOVARY (2016, Feng Xiaogang, A+30) เพราะเรารู้สึกว่า ถ้าหากเราเป็นนางเอกของ 45 YEARS เราจะไม่ค่อยแคร์อะไรกับการที่ผัวเราชอบหญิงอื่นมากกว่าเรา และถ้าหากเราเป็นนางเอกของ I AM NOT MADAME BOVARY เราก็คงจะหาผัวใหม่ในทันทีตั้งแต่แรก เพราะเรารู้สึกว่า ถึงผัวเก่าเขาจะหลอกเรา แต่ถ้าหากเขาไม่ได้รักเราแล้ว เราก็จะไปยึดติดกับเขาทำไม เขามีเมียใหม่ เราก็หาผัวใหม่ จบ แต่อันนี้เราไม่ได้ว่าหนังสองเรื่องนี้ไม่ดีนะ อันนี้คือแค่จะบอกว่า เราไม่อินกับตัวละครนางเอกของหนังสองเรื่องนี้ แต่เราจะอินกับตัวละครในหนังของ Claude Sautet มากๆ เพราะมันนำเสนอทั้ง ความงดงาม หอมหวาน สดชื่น รื่นรมย์ของความรัก”, “ความชั่วคราว ประเดี๋ยวประด๋าวของความรักและ ความปล่อยวางจากความรักได้อย่างทรงพลังสุดๆ ซึ่งมันเข้าทางเราหรือสอดคล้องกับทัศนคติของเรามากกว่า

2.อีกจุดที่ชอบมากใน WAITER! และในหนังบางเรื่องของ Claude Sautet ก็คือว่า มันคือจุดสุดยอดของแนวคิดที่ว่า ตัวละครมีชีวิตมาก่อนหนังเริ่มจริงๆน่ะ ซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่า Claude Sautet มักจะทำหนังรักเกี่ยวกับ ตัวละครวัยกลางคนเพราะฉะนั้นพอหนังเริ่มเรื่องปุ๊บ ช่วงแรกๆเราจะรู้สึกเหมือนกับว่า เอ๊ะ นี่มันเป็นภาคสองของหนังเรื่องอื่นหรือเปล่าคือตัวละครทั้งพระเอก, นางเอก, ตัวประกอบยิบย่อยแต่ละตัว นี่มันมีชีวิตที่ซับซ้อนและผ่านอะไรมาเยอะมากก่อนที่วินาทีแรกของหนังจะเริ่มต้นขึ้นทั้งนั้นเลย คือพอหนังเล่าเรื่องไปเรื่อยๆ เราจะค่อยๆได้รับรู้อดีตของตัวละครแต่ละตัวผ่านทางบทสนทนาของตัวละคร แล้วเราจะรู้สึกว่าทุกตัวแม่งมีอดีตที่ซับซ้อนมาก ทั้งความรัก, หน้าที่การงาน, นิสัยส่วนตัว คือทุกตัวประกอบที่โผล่มาประมาณ 5-10 นาทีในหนังเรื่องนี้นี่มันสามารถ spin off แยกไปสร้างหนัง prequel เกี่ยวกับชีวิตตัวเองได้หมดเลย 

3.ฉากที่ชอบที่สุดในหนังเรื่องนี้คือฉากที่ Nicole Garcia ยืนมองพระเอกโดยมีทะเลเป็นแบคกราวด์น่ะ คือบอกไม่ถูกว่าทำไมฉากนี้ถึงงดงามสุดๆ ทรงพลังสุดๆสำหรับเรา มันเหมือนกับว่าฉากนี้มันบรรจุ โมงยามที่งดงามที่สุดของความรักเอาไว้ และวิธีการถ่ายทอดฉากนั้น+ดนตรีประกอบ มันเหมือนกับทำให้เรารู้สึกว่า ชีวิตมนุษย์มันก็แค่นี้แหละ บางทีเราก็จะได้เจอคนที่เรารัก ได้ใช้เวลาแห่งความสุขสุดยอดกับคนที่เรารัก แต่ทุกอย่างไม่จีรังยั่งยืน นี่คือช่วงนาทีที่งดงามสุดๆ แต่ในที่สุดมันก็จะผ่านไป คนรักอาจจะทิ้งเราไปในวันใดวันหนึ่ง แต่มันเป็นเรื่องธรรมดามากๆของชีวิต and life goes on”

No comments: